วิธีการใช้งานเครื่องทดสอบสาย LINK Network Cable Tester...
เบื้องต้นตัวเครื่องจะมีสวิตช์ด้านหน้าอยู่สองปุ่มสวิตช์แรก POWER ON-OFFเป็นสวิตช์ที่ใช้เปิด-ปิดตัวเครื่องสวิตช์ที่สอง TEST ON-OFF เป็นสวิตช์ที่กดเพื่อ เริ่มทดสอบ-หยุดทดสอบ เมื่อเราเปิดเครื่องทดสอบแล้วนำสายที่ต้องการจะทดสอบมาเสียบที่เครื่องทดสอบทั้งสองข้างเรียบร้อยหลังจากนั้นเริ่มการทดสอบโดยกดปุ่ม TEST ON-OFF แล้วดูผลทดสอบจากสถานะหลอดไฟ LED ซึ่งหลอดไฟของเครื่องทดสอบนี้ จะเป็นแบบสองสีในหลอดเดียว คือ สีเขียวกับสีแดง
ซึ่งจะสรุปผลได้ดังนี้
หลอดไฟแสดงสีเขียว หมายถึง สถานะปกติ คือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันไม่ขาดและไม่ช็อต
หลอดไฟแสดงสีแดง หมายถึง สถานะผิดปกติ คือช็อตหรือขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกันแต่ไม่ถูกคู่สาย ต้องแก้ไข
หลอดไฟไม่ติด หมายถึง สถานะสายขาด คือขั้วต่อหัวท้ายต่อไม่ถึงกันไม่ว่าด้วยสาเหตุใดก็ตาม ต้องแก้ไข
หลอดไฟที่เขียนว่า GND เป็นหลอดที่ใช้ในการทดสอบสาย STP
หลอดไฟไม่ติด หมายถึง สถานะสาย UTP (ปกติ)
หลอดไฟติดสีเขียว หมายถึง สถานะสาย STP (แต่ถ้าสายที่ทดสอบเป็นสาย STP แล้วไม่ติดแสดงว่า สายกราวด์ต่อไม่ถึงกันหัวท้าย ต้องแก้ไข)
เมื่อทดสอบดูสถานะหลอดไฟแล้วสุดท้ายเราต้องดูการเรียงลำดับของหลอดไฟ
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงกันไปตามลำดับ เช่น 1&2 3&6 4&5 7&8 แสดงว่าเข้าหัวถูกต้อง ขั้วต่อหัวท้ายต่อถึงกัน
- ถ้าหลอดไฟติดเรียงลำดับกระโดด เช่น 1&2 4&5 3&6 7&8 แสดงว่าต่อสายแบบไขว้ (Cross) นั้นเอง
- ถ้าหลอดไฟติดนอกเหนือกว่านี้ แสดงว่าเข้าหัวผิด นอกจากนี้ยังนำเครื่องไปทดสอบกับสายโทรศัพท์ที่ใช้หัวต่อ RJ11, RJ12 ได้อีกด้วย แต่หลอดไฟบางหลอดจะหายไปตามจำนวนสายที่เหลือ เช่น RJ11 สาย 4 เส้นจะเหลือแค่ 3&6 4&5 เป็นต้น
